|  1. การดำเนินงานตามพันธกิจ
 
  ด้านการผลิตบัณฑิต 
  ภาควิชาเคมีอุตสาหกรรมดำเนินงานด้านการผลิตบัณฑิตทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโท โดยในปีการศึกษา 2545 มีนักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 2 ถึงปีที่ 4 รวม 145 คน สำเร็จการศึกษา 42 คน มีนักศึกษาระดับปริญญาโทรวมทั้งสิ้น 16 คน สำเร็จการศึกษา 5 คน และในปีการศึกษา 2546 มีนักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 2 ถึงปีที่ 4 รวม 146 คน นักศึกษาระดับปริญญาโท 17 คน การรับนักศึกษาของภาควิชาในระดับปริญญาตรีเป็นไปตามเป้าหมาย แต่ในส่วนของระดับปริญญาโทนั้นน้อยกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 
  ปีงบประมาณ 2546 ที่ผ่านมานี้ ภาควิชาได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนานักศึกษาของภาควิชาดังต่อไปนี้ 
  ระดับปริญญาตรี มี โครงการเยี่ยมชมโรงงานอุตสาหกรรม, การให้สัมภาษณ์และการเขียนจดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษ และ การปฐมนิเทศนักศึกษาชั้นปีที่ 2 
  ระดับปริญญาโท มี การอบรมภาษาอังกฤษด้านการอ่านและเขียนบทความเชิงวิชาการ, การประชุมสัมมนานักศึกษาบัณฑิตศึกษาสาขาวิชาเคมีอุตสาหกรรมเพื่อการพัฒนาหลักสูตร และโครงการเยี่ยมชมโรงงานอุตสาหกรรม(จัดร่วมกับนักศึกษาระดับปริญญาตรี)   ด้านการวิจัย มีบุคลากรของภาควิชาได้รับทุนวิจัย ในเรื่องต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ 
                
                  
                    
					
                      "การพัฒนากระบวนการสีย้อมธรรมชาติแบบพหุสำหรับอุตสาหกรรมครอบครัว"  "การวิจัยและพัฒนาแก้วบอโรซิลิเกตสำหรับหลอดรังสีเอ็กซ์และกระบวนการประกอบหลอดรังสีเอ็กซ์ทางการแพทย์"  "การกำจัดสารประกอบอินทรีย์ในสารละลายสังกะสีด้วยถ่านกัมมันต์"  "แบบจำลองสารปลดปล่อยสารประกอบแร่ธาตุที่ได้จากการเผาไหม้ถ่านหินในระบบถ่านหินบดละเอียดโดยวิธีการคำนวณสมดุล"  "การผลิตคอมโพสิตโดยใช้เส้นใยธรรมชาติเป็นส่วนเสริมแรง"  "การปรับปรุงประสิทธิภาพการย้อมฝ้ายโดยสารโมเลกุลเล็กและพอลิเมอร์บางชนิด"  "การผลิตอิฐเบาชนิดไม่เผาจากดินเบาแหล่งลำปาง" 
   และมีโครงการวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชนของภาควิชาเคมีอุตสาหกรรมที่ได้รับการสนับสนุน 2 โครงการ คือ 
                
                  
                    
					
                      โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเครื่องปั้นดินเผาแบบครบวงจรโครงการพัฒนาการย้อมสีธรรมชาติสำหรับเส้นใยพืช   ภาควิชามีหน่วยวิจัยในสังกัดคณะวิทยาศาสตร์ 3 หน่วย คือหน่วยวิจัยการต่อโลหะ - เซรามิกส์, หน่วยวิจัยพลังงาน เชื้อเพลิง และปิโตรเคมี, หน่วยวิจัยเซรามิกอุตสาหกรรม และมีหน่วยวิจัยในสังกัดสถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1 หน่วย คือ หน่วยวิจัยสีย้อมและสิ่งทอ 
  ในด้านความร่วมมือกับต่างประเทศทางด้านการวิจัย ภาควิชามีความร่วมมือกับ Freiberg University of Mining and Technology ประเทศเยอรมนี ในงานวิจัยทางเซรามิก 
  นอกจากนี้ยังมีบุคลากรภาควิชาเข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนภายใต้โครงการ TUCED-DUCED-I&UA ร่วมวิจัย ณ Department of Chemical, Technical University of Denmark อีกด้วย    การตีพิมพ์และเสนอผลงานการวิจัย ในปีงบประมาณ 2546 บุคลากรภาควิชาได้เสนอผลงานวิจัยดังต่อไปนี้ 
  ด้านโลหกรรม 5 เรื่อง 
                
                  
                    
					
                      "A Microscopical Investigation of the Interface Between Borosilicate Glass and Fe- Ni - Co Alloy Jointed by Direct Fusion of Glass to Metal" "ผลของแรงกดอัด อุณหภูมิ และเวลาที่ใช้ในการเผาผนึกต่อโครงสร้างและสมบัติหลังเผาผนึกของโลหะผสมเหล็ก - นิกเกิล - โคบอลต์" "Transmission Electron Microscopy in Metallurgy: A Case Study of Precipitation in Steels and Cast Irons" " Effects of Heat Treatment on Microstructure and Hardness of 30% Cr - 2.4% C Cast Iron""การศึกษาความเป็นไปได้ในการต่อแก้วกับโลหะผสมเหล็ก - นิกเกิล - โคบอลต์" 
   ด้านสีย้อมธรรมชาติ 4 เรื่อง 
                
                  
                    
					
                      "การย้อมสีเขียวบนด้ายฝ้ายด้วยสีย้อมธรรมชาติ""การย้อมสีธรรมชาติแบบพหุบนฝ้ายเพื่อให้ได้สีเขียวหลายชนิด""การย้อมด้ายฝ้ายด้วยสีน้ำตาลจากสีย้อมธรรมชาติ""การย้อมด้ายฝ้ายด้วยสีดำจากสีย้อมธรรมชา   ด้านเชื้อเพลิง 4 เรื่อง 
                
                  
                    
					
                      "PEM Fuel Cell Development in Thailand" "Performance of PEFC Stack Using Specially Coated Metal Alloys as Bipolar Plates""Investigation of NO Formation During Char Oxidation From Fixed Bed Coke Combustion""Conversion of Volatile - Nitrogen and Char - Nitrogen to NO During Combustion   ด้านการบริการวิชาการแก่ชุมชน มีดังต่อไปนี้ 
  การจัดประชุมทางวิชาการ 
                
                  
                    
					
                      การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับบริษัทเมดิทอป เรื่อง "การวิเคราะห์ขนาดอนุภาคเบื้องต้น" การประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง "ผลิตภัณฑ์พอร์ซเลนจากวัตถุดิบเซรามิกภาคเห   การบริการด้านการวิเคราะห์และทดสอบ 
  ภาควิชาร่วมกับสถานบริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวท.มช.) ทำการวิเคราะห์ ทดสอบ วัสดุทางด้านเชื้อเพลิง พอลิเมอร์ เซรามิก ให้แก่ทางโรงงานอุตสาหกรรม บริษัท และบุคคลผู้มาขอใช้บริการ จำนวนหลายสิบราย 
  การร่วมมือทางด้านการเรียนการสอน 
  ภาควิชาให้ความร่วมมือช่วยสอนกระบวนวิชา FS 331 และ FS 332 (วิศวกรรมอาหาร 1 และ วิศวกรรมอาหาร 2) ให้แก่ภาควิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ 
  นอกจากนี้ บุคลากรภาควิชาเข้าร่วมกิจกรรมบริการวิชาการอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ โครงการวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน, โครงการพัฒนาการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีระดับโรงเรียน, การจัดนิทรรศการเสนอผลงานในงาน SMEs Day, การเป็นวิทยากรบรรยายให้แก่บริษัทผาแดงอินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน), การเป็นวิทยากรบรรยาย ณ อบต. แม่แรง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน, การเป็นวิทยากรบรรยายให้แก่บุคลากรด้านปิโตรเลียมและพลังงานทหาร กรมการพลังงานทหาร, การให้คำแนะนำปรึกษาทางด้านการพัฒนาคุณภาพวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์เซรามิกแก่โรงงานเซรามิกในเขตภาคเหนือและภาคกลางหลายแห่ง    ด้านการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม 
  บุคลากรภาควิชาร่วมงานด้านประเพณี วัฒนธรรม ที่ทางคณะวิทยาศาสตร์, ทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และทางภาควิชา จัดขึ้น เช่น งานสงกรานต์ งานถวายเทียนพรรษา งานขันโตก พิธีไหว้ครู เป็นต้น และมีงานวิจัยทางด้านการย้อมสีธรรมชาติ กับ ทางด้านเครื่องปั้นดินเผา(เช่น เครื่องปั้นดินเผาเวียงกาหลง เป็นต้น) และด้านการลดมลพิษจากการเผาไหม้ของถ่านหิน รวมทั้งมีการเข้าร่วมด้านเทคโนโลยีสะอาด(clean technology)  2. จุดแข็ง - จุดอ่อน ความสำเร็จ ความคุ้มค่า คุ้มทุน
 
  จุดแข็ง 
  ภาควิชามีอาจารย์ทั้งสิ้น 16 คน (รวมผู้มีความรู้ความสามารถพิเศษ 1 ท่าน ด้วย) ในปีงบประมาณ 2546 อยู่ระหว่างการศึกษาต่อ 5 คน เหลืออาจารย์ที่ปฏิบัติงานอยู่ 11 คน สามารถดำเนินงานของภาควิชาทั้งทางด้านการเรียนการสอนระดับปริญญาตรีและโท และงานด้านอื่น ๆ ได้ แสดงถึงความสามารถและความทุ่มเทตนในการปฏิบัติงานของอาจารย์และบุคลากรสายอื่น ๆ ในภาควิชาซึ่งส่วนใหญ่เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพดี นอกจากนี้ภาควิชามีเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ทางด้านการสอนในห้องเรียนดีเพียงพอ และมีเครื่องมือในห้องปฏิบัติการค่อนข้างดีและหลากหลายสำหรับปฏิบัติการและวิจัยของนักศึกษาและคณาจารย์ ด้านการบริหารจัดการต่าง ๆ ดำเนินตามระบบควบคุมคุณภาพของทางคณะวิทยาศาสตร์และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ในขั้นดี นอกจากนี้ภาควิชามีความร่วมมืออย่างมากกับโรงงานอุตสาหกรรมเซรามิกในเขตภาคเหนือ และมีความร่วมมือกับโรงงานอุตสาหกรรมทางด้านโลหะและเชื้อเพลิงด้วย จุดแข็งอีกอย่างคือ เป็นภาควิชาเล็ก การบริหารทั้งด้านบุคลากร การเงิน มีความคล่องตัว ไม่ยุ่งยาก 
  ในด้านความนิยมเข้าศึกษาของนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์นั้น สาขาวิชาเคมีอุตสาหกรรมยังอยู่ในความนิยมอันดับต้น ๆ สำหรับในปีการศึกษา 2546 นี้มีนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่ยื่นความจำนงเลือกสาขาวิชาเคมีอุตสาหกรรมเป็นอันดับ 1 ถึง 124 คนในจำนวนนักศึกษาทั้งสิ้นที่ต้องเลือกสาขาวิชาเอก 603 คน ในขณะที่จำนวนนักศึกษาที่สาขาวิชารับได้มีจำนวน 56 คน แสดงถึงความนิยมเข้าศึกษาในสาขาวิชาเคมีอุตสาหกรรมว่ามีมากขึ้นกว่าปีที่ผ่าน ๆ มา 
 
  จุดอ่อน 
  เนื่องจากมีอาจารย์ที่อยู่ระหว่างการศึกษาต่อถึงจำนวนประมาณ 1 ใน 3 ทำให้อาจารย์ที่ปฏิบัติงานอยู่มีภาระในการสอนมากขึ้น ทำให้เวลาสำหรับทำวิจัย เขียนตำราหรือบทความทางวิชาการอื่น ๆ มีน้อยลง อย่างไรก็ตามผลงานวิจัยของอาจารย์ก็มีเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา แต่ยังขาดผลงานตีพิมพ์ระดับนานาชาติ มีเพียงการไปร่วมเสนอผลงานในการประชุมที่ต่างประเทศ ปัญหาด้านอื่นที่มีคือ ด้านงบประมาณของภาควิชา ภาควิชาได้รับงบประมาณค่อนข้างน้อย (เนื่องจากไม่มีงานสอนวิชาพื้นฐานระดับชั้นปีที่ 1 ทำให้จำนวนนักศึกษาของภาควิชาที่คิดตามวิธี FTES มีน้อยเมื่อเทียบกับภาควิชาอื่น ๆ ) การจัดซื้อเครื่องมือเพิ่มเติมแต่ละปีจึงทำได้น้อย ไม่สามารถจัดซื้อเครื่องมือที่มีราคาแพงบางอย่างตามที่ภาควิชาต้องการได้ สำหรับจุดอ่อนทางด้านบุคลากรคือ ภาควิชามีบุคลากรที่มีตำแหน่งวิชาการระดับผู้ช่วยศาสตราจารย์ขึ้นไปน้อย ทำให้ขาดแคลนอาจารย์ที่จะเป็นผู้ควบคุมวิทยานิพนธ์ในระดับบัณฑิตศึกษา 
 
  ความสำเร็จ ความคุ้มค่า คุ้มทุน 
  ภาควิชามีอาจารย์จำนวน 15 คน ผู้มีความรู้ความสามารถพิเศษ 1 ท่าน บุคลากรสาย ข 3 คน สาย ค 1 คน ลูกจ้างประจำ 5 คน และลูกจ้างชั่วคราว 4 คน รวมทั้งสิ้น 29 คน มีงบประมาณสำหรับการจัดการเรียนการสอนด้านวัสดุ ครุภัณฑ์ (ทั้งงบประมาณปกติ งบประมาณโครงการเร่งรัด และงบประมาณรายได้) ในปี 2546 รวมทั้งสิ้น 2.08 ล้านบาท เงินเดือนของบุคลากรทั้งหมดของภาควิชา 4.20 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นภาควิชาใช้งบประมาณในปี 2546 เป็นเงิน 6.28 ล้านบาท ภาควิชาสามารถจัดการเรียนการสอนให้แก่นักศึกษาภาควิชาเคมีอุตสาหกรรมทั้งปริญญาตรีและปริญญาโทในปีการศึกษา 2545 และ 2546 ได้ประมาณ 160 คน คิดเป็นอัตราส่วนจำนวนนักศึกษาวิชาเอกต่ออาจารย์เป็นประมาณ 10 ต่อ 1 หรือจำนวนนักศึกษาต่อจำนวนบุคลากรทั้งหมดเป็นประมาณ 5 ต่อ 1 ภาควิชาสามารถผลิตบัณฑิตได้ประมาณ 50 คนต่อปี ซึ่งมีอัตราการได้งานทำและศึกษาต่อในสถาบันต่าง ๆ ได้เฉลี่ยถึงร้อยละ 90 และในจำนวนบัณฑิตที่ได้งานทำมีรายได้เฉลี่ย 120,000 บาทต่อปี นับว่ามีความสำเร็จ คุ้มค่า คุ้มทุน ในการผลิตบัณฑิต มาก  3. แนวทางการพึ่งพาตนเอง
  3.1 สนับสนุนและหาแหล่งทุนการศึกษาและทุนวิจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ จากหน่วยงานของรัฐและเอกชน โดยเฉพาะหาทางร่วมมือกับโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง 
  3.2 สนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในการให้บริการวิชาการแก่ชุมชน โดยเฉพาะการบริการด้านการวิเคราะห์และทดสอบเพื่อการสร้างรายได้ |