ตัวเร่งปฏิกิริยาเชิงแสงบิสมัทวานาเดตถูกใช้อย่างแพร่หลายในการย่อยสลายสารอินทรีย์มลพิษและการผลิตแก๊สไฮโดรเจนจากน้ำ ในขณะที่การประยุกต์ใช้งานของตัวเร่งปฏิกิริยาชนิดนี้ในปฏิกิริยาการสังเคราะห์สารอินทรีย์มูลค่าสูงภายใต้กระบวนการกระตุ้นด้วยแสงยังมีไม่มากนัก อีกทั้งยังขาดความเข้าใจในความสัมพันธ์ระหว่างระนาบผลึกที่ปรากฏบนพื้นผิวของตัวเร่งปฏิกิริยากับประสิทธิภาพการเร่งปฏิกิริยาของวัสดุ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของตัวเร่งปฏิกิริยา
กลุ่มวิจัยจากภาควิชาเคมี และศูนย์วิจัยวัสดุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ ของผศ.ดร.บูรภัทร์ อินทรีย์สังวร นางสาวศดานันท์ บูชาเกียรติ นักศึกษาระดับปริญญาเอก ทุนโครงการเรียนดีวิทยาศาสตร์ฯ ร่วมมือกับนักวิจัยจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มช. ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยนเรศวร และมหาวิทยาลัยวูลลองกอง ประเทศออสเตรเลีย ได้ร่วมกันศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างระนาบผลึกที่ปรากฏบนพื้นผิวของตัวเร่งปฏิกิริยาบิสมัทวานาเดตกับประสิทธิภาพการสังเคราะห์สารประกอบอิมมีนจากเอมีนภายใต้การกระตุ้นด้วยแสงวิซิเบิล ซึ่งยังไม่เคยมีการรายงานมาก่อน โดยได้รายงานผลการค้นคว้าดังกล่าวในวารสาร Journal of Colloid and Interface Science เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผลการทดลองบ่งชี้ว่า ประสิทธิภาพการสังเคราะห์สารประกอบอิมมีนแปรผันตรงกับปริมาณระนาบ {110} ที่ปรากฏบนพื้นผิวบิสมัทวานาเดต อีกทั้งการเติบโตของผลึกบิสมัทวานาเดตในทิศทาง {001} ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแยกกันของคู่อิเล็กตรอน-โฮล (electron-hole separation) ส่งผลให้บิสมัทวานาเดตสามารถเร่งปฏิกิริยาการสังเคราะห์สารประกอบอิมมีนได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างเชิงลึกและประสิทธิภาพของตัวเร่งปฏิกิริยาจะเป็นกุญแจสำคัญในการออกแบบและพัฒนาตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีประสิทธิภาพเพื่อสังเคราะห์สารอินทรีย์มูลค่าสูงในอนาคต
ที่ผ่านมา ผศ.ดร.บูรภัทร์ อินทรีย์สังวร ยังได้รับทุนวิจัย "ทุนอัจฉริยภาพนักวิจัยรุ่นกลาง ประจำปี 2564" จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) โดยทุนวิจัยดังกล่าวมุ่งสนับสนุนนักวิจัยที่มีศักยภาพสูงให้ได้ทำวิจัยอย่างต่อเนื่องตามศักยภาพและความถนัดที่มีอยู่ เพื่อผลิตผลงานที่มีศักยภาพเชิงวิชาการ หรือผลงานที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
วันที่ : 15 ก.ค. 2021